สถิติ
เปิดเมื่อ10/10/2020
อัพเดท25/06/2021
ผู้เข้าชม11227
แสดงหน้า11576
บทความ
บทความทั่วไป
นักเทรด Bitcoin Options แห่เปิดสัญญาซื้อขายที่ราคา $80,000 สิ่งนี้หมายถึงอะไร
ตลาดทุนไหลออก
แนวโน้มหุ้นไทย (5 มี.ค.64) เปิดการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าผันผวน กังวลภาคบริการจีนขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 เดือน
‘เงินบาท’วันนี้เปิดตลาด ‘แข็งค่า’ที่29.98บาทต่อดอลลาร์
ยึดคืนหุ้น OR ขายผ่านแบงก์ทั้งหมด
STGT เริ่มเทรดพาร์ใหม่ 5 ม.ค.นี้
‘พ้นจุดต่ำสุด’ รับกำลังซื้อฟื้น
การเทรดฟอเร็กซ์
“บิทคอยน์” โอกาสบนความเสี่ยง!!
MiTrade รีวิว: MiTrade ดีไหม? เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
ดอลลาร์อ่อนค่า หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน พ.ย. ต่ำกว่าคาด
กองทุนหุ้นสหรัฐแจ่ม! “บลจ.ไทยพาณิชย์” จ่ายปันผล 2 กองรวด
ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้
ปฎิทิน
June 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
     




มองตลาดหุ้นโลกผ่านเลนส์นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม

มองตลาดหุ้นโลกผ่านเลนส์นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม
อ้างอิง อ่าน 134 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง

reathai

ในปี 2020 ที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้คร่าชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลก และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตกหนักในมีนาคม 2020 กลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็วดังปาฏิหาริย์ และเริ่มทำจุดสูงสุดใหม่ในหลายตลาดทั่วโลก การฟื้นตัวเร็วกว่าวิกฤตครั้งไหน ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2008 ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐตกหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจซับไพรม และใช้เวลาฟื้นตัวสู่จุดเดิมถึง 6 ปี แต่วิกฤตรอบนี้ดัชนี S&P 500 กลับใช้เวลาในการฟื้นตัวสู่จุดเดิมเพียง 126 วันเท่านั้น

โดยนอกจากผลของสภาพคล่องมหาศาลที่ผู้ดำเนินนโยบายทั่วโลกต่างอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแล้ว การศึกษากระบวนการคิดของนักลงทุนก็ต่างน่าสนใจไม่แพ้กัน

ปัจจัยหลักที่ตลาดมีพฤติกรรมเคลื่อนไหวและฟื้นตัวรวดเร็วมาจากโครงสร้างผู้เล่นในตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เราสามารถจำแนกผู้เล่นในตลาดเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือ มนุษย์ (human) หรือนักลงทุนที่ใช้กระบวนการคิดของสมองในการตัดสินใจซื้อขาย (discretionary trading)

และกลุ่มที่ 2 คือ เครื่องจักร (machine) เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ (rule-based) ซึ่งการซื้อขายถูกกำหนดโดยระบบอัตโนมัติ (systematic trading) โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ หรือมีการแทรกแซงเพียงเล็กน้อย เช่น algorithmic trading ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วยวิเคราะห์และประมวลผลกลยุทธ์การลงทุนอย่างเป็นระบบ

1) ผู้เล่นในตลาดที่เป็นมนุษย์และใช้กระบวนการคิดของสมองในการตัดสินใจซื้อขาย (discretionary trading)

พฤติกรรมการตัดสินใจของมนุษย์ส่งผลต่อราคาหุ้นและนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาด จากการศึกษาของนักจิตวิทยาเกี่ยวกับระบบการทำงานของสมองเป็นเวลาหลายทศวรรษ และจากหนังสือจิตวิทยาระดับโลก thinking, fast and slow ของ Daniel Kahneman นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมรางวัลโนเบล พบว่า

กระบวนการคิดของสมองซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจของมนุษย์นั้น แบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ 1 คือ ระบบความคิดอัตโนมัติ สมองจะทำงานทันทีอย่างรวดเร็วและเป็นไปตามสัญชาตญาณโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความพยายามในการคิด

ในขณะที่ระบบ 2 คือ ระบบความคิดแบบไตร่ตรองที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นกระบวนการคิดที่ต้องมีการควบคุม ต้องใช้ความพยายาม และเกิดขึ้นเมื่อเรามีสติ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การใช้สมองในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ เป็นต้น

ทั้ง 2 ระบบต่างมีผลต่อพฤติกรรมของเราในการดำเนินชีวิต แต่ระบบ 1 กลับชี้นำพฤติกรรมและการตัดสินใจของเรามากกว่า เนื่องจากเกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ และเมื่อระบบ 1 โดดเด่นในเรื่องของการ “คิดเร็ว” ระบบ 1 จึงเป็นต้นตอของความผิดพลาดเชิงระบบ (systematic error) และอคติทางการรับรู้ (bias) มากกว่าระบบ 2 (ในขณะเดียวกัน ระบบ 1 ก็เป็นต้นเหตุของการตัดสินใจที่ถูกต้องมากกว่าเช่นกัน)

และในบางครั้งระบบ 1 มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของระบบ 2 นำมาสู่การตัดสินใจที่เต็มไปด้วยอคติและความผิดพลาด เนื่องจากระบบ 2 “คิดช้า” เกินไปจึงยอมรับความคิดที่ได้รับการแนะนำจากระบบ 1 โดยปราศจากการตรวจสอบ

เราได้แบ่งนักลงทุนเป็น 2 กลุ่ม คือ นักลงทุนรายย่อย (individual investors) และนักลงทุนมืออาชีพ (professional investors) ซึ่งการตัดสินใจในการลงทุนของทั้ง 2 กลุ่มก็ยังคงอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการคิดทั้ง 2 ระบบ แต่ในส่วนกระบวนการคิดของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จะเน้นระบบ 1 หรือการ “คิดเร็ว” มากกว่าระบบ 2 หรือมีการใช้ความคิดจากระบบ 2 ที่ถูกครอบงำโดยระบบ 1 ซึ่งเต็มไปด้วยอคติ โดยหากนักลงทุนมีการใช้สัญชาตญาณ (intuition) หรือระบบ 1 เพื่อสร้างสมมุติฐานการลงทุนที่เหมาะสม

รวมถึงควบคุมวิจารณญาณในการลงทุนได้ จะส่งผลดีต่อการลงทุน ในทางกลับกันการตัดสินใจลงทุนของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจเกินตัวและอคติทางความคิด (cognitive bias) ซึ่งเกิดจากการควบคุมระบบ 1 ไม่ถูกต้อง อันเป็นปัญหาของนักลงทุนที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน เนื่องจากโลกการลงทุนได้ถูกขับเคลื่อนโดยข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย นักลงทุนสามารถรับรู้ข้อมูลจำนวนมากเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและด้วยข้อมูลที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและปริมาณมหาศาลอาจส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถต้านทานการใช้ฮิวริสติก (heuristics)

หรือการใช้ทางลัดทางความคิด (ความคิดแรกที่โผล่ขึ้นมาในสมอง โดยอาศัยประสบการณ์และกระบวนการ “คิดเร็ว” ของระบบ 1 เพื่อลดความซับซ้อนของข้อมูลในการตัดสินใจ และนำมาซึ่งการตัดสินใจในทางเลือกที่เต็มไปด้วยอคติ เช่น อคติจากการรับรู้ (confirmation bias) โดยมีความมั่นใจในความคิดของตน และเลือกรับสารที่ตรงกับความคิดของตัวเองเท่านั้น ทำให้เกิดความมั่นใจมากเกินไปในการลงทุนและส่งผลให้เกิดการขาดทุนกรณีเป็นทางเลือกที่ผิด

อีกกรณีหนึ่ง คือ มีการใช้อคติในการลงทุน เราต่างพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่มักจะขายหุ้นที่ได้กำไรดี และถือหุ้นที่ขาดทุนไว้ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วหุ้นที่นักลงทุนขายแล้วยังคงขึ้นต่อไป ในขณะที่หุ้นที่ทนถือไว้กลับมีผลตอบแทนที่แย่กว่า

 
reathai lucasjojo20@outlook.com [74.82.51.xxx] เมื่อ 15/04/2021 14:53
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
รูปประกอบความคิดเห็น :
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
อีเมล์ :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :